ทั่วโลกตื่นตระหนก: แชร์ข้อมูลเท็จ “ฉีดวัคซีนโควิดทำฝีดาษลิงระบาด” ดร.เจษฎาชี้แจงข้อเท็จจริง
ช่วงนี้มีการแชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์อ้างว่า การระบาดของโรคฝีดาษลิง (เอ็มพ็อกซ์) เกิดจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกวิตกกังวล และข้อมูลนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง
ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า “การฉีดวัคซีนโควิดไม่ทำให้เป็นโรคฝีดาษลิง” พร้อมอ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าว AFP ที่ได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นข้อมูลเท็จ
ข้อมูลเท็จดังกล่าวเริ่มแพร่กระจายหลังจากการระบาดของเอ็มพ็อกซ์ในแอฟริกา โดยมีการอ้างอิงบทสัมภาษณ์ของแพทย์ชาวเยอรมัน ดร.วูล์ฟกัง วอดาร์ก ที่เคยเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับโควิด-19 โดยกล่าวว่าโรคฝีดาษลิงเป็นกลลวงและจริง ๆ คือโรคงูสวัดที่เกิดจากการฉีดวัคซีนโควิด
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ดร.วอดาร์กให้สัมภาษณ์กับ AUF1 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่สนับสนุนข่าวเท็จและทฤษฎีสมคบคิด โดยกล่าวว่าอาการของเอ็มพ็อกซ์คล้ายกับโรคงูสวัด และวงการเภสัชกรรมใช้ผลข้างเคียงของโควิด-19 เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ ๆ เขายังอ้างว่า การตรวจเอ็มพ็อกซ์ในผู้ป่วยโรคงูสวัดอาจให้ผลบวกปลอม แต่ไม่ได้นำเสนอหลักฐานสนับสนุน
คำกล่าวอ้างนี้ปรากฏหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของโรคเอ็มพ็อกซ์เป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 โดยรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 208 ราย และผู้ติดเชื้อกว่า 99,000 คนใน 116 ประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม 2565
โรคเอ็มพ็อกซ์เป็นโรคติดต่อที่ถูกค้นพบมากกว่าครึ่งศตวรรษก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไวรัสเอ็มพ็อกซ์ถูกค้นพบครั้งแรกในลิงปี 2501 และพบการติดเชื้อในมนุษย์ในปี 2513
โรคเอ็มพ็อกซ์ติดต่อจากสัตว์สู่คน และจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ มีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ และผื่นคล้ายเม็ดพุพอง แต่ WHO ยืนยันว่าเอ็มพ็อกซ์ไม่รุนแรงเหมือนโควิด-19 และการวินิจฉัยเอ็มพ็อกซ์อาจยาก เนื่องจากอาการคล้ายกับโรคอื่น ๆ รวมถึงโรคเริม
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การระบาดของเอ็มพ็อกซ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ศาสตราจารย์หยวน ควอกยัง จากมหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่า “วัคซีนโควิด-19 ไม่ได้เป็นสาเหตุของเอ็มพ็อกซ์” และ “การตรวจเอ็มพ็อกซ์แบบพีซีอาร์มีความเฉพาะเจาะจงสูง ไม่คาดว่าจะให้ผลบวกปลอม”
ขณะเดียวกัน เดวิด เฮย์แมนน์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาของโรคติดเชื้อจาก LSHTM มหาวิทยาลัยลอนดอน กล่าวกับ AFP ว่า “ไม่มีเหตุผลที่จะแสดงว่าการแพร่ระบาดของเอ็มพ็อกซ์มีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด”
ขอบคุณข้อมูลจาก: https://www.sanook.com/news