กลุ่มเพื่อนสนิทของ อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์ ได้เปิดเผยถึงอาการในช่วงสุดท้าย โดยแพทย์รักษาตามอาการ และไม่มีคีโมใดที่สามารถรักษาได้อีกแล้ว เพื่อนต่อสู้กับโรคมะเร็งอย่างเต็มที่และรู้สึกเหนื่อยมาก
บรรยากาศที่ศาลา 12 วัดธาตุทอง พระอารามหลวง ในการสวดพระอภิธรรม อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์ ซึ่งเสียชีวิตอย่างสงบในวัย 39 ปี หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจเป็นเวลากว่า 2 ปี
กีต้าร์ ศิริพิชญ์ วิมลโนช พี่สาวคนสนิทในวงการบันเทิง กล่าวว่า ตนทราบอาการของอ๋อมมาโดยตลอดว่าการรักษาเป็นการประคับประคองอาการเท่านั้น ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องระบบปอดและการหายใจ อ๋อมจะรู้สึกเหนื่อยเมื่อต้องพูดหรือทำกิจกรรมใด ๆ แม้ว่าอ๋อมจะสู้กับโรคมะเร็งได้ด้วยกำลังใจที่เข้มแข็ง แต่ก็เหนื่อยมากแล้ว การจากไปครั้งนี้เป็นการเดินทางที่จะทำให้อ๋อมได้พักผ่อนอย่างสงบ
กีต้าร์เล่าต่อว่า การเจอกันล่าสุดเมื่อ 2 เดือนก่อน ตนพาอ๋อมไปทำบุญ และพยายามนัดเจอกันหลังทำคีโมเพื่อไม่ให้เขารู้สึกเหงา เนื่องจากสุขภาพของอ๋อมไม่ค่อยแข็งแรง อย่างไรก็ตามดีใจที่เมื่อเดือนที่แล้วได้พาอ๋อมไปเที่ยวเชียงใหม่และสถานที่อื่น ๆ ที่เขาอยากไป เช้าวันที่ทราบข่าวรู้สึกตกใจมาก เพราะทุกคนในกลุ่มอยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัว นอกจากนี้ยังมีแผนจะไปดำน้ำด้วยกันในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
เต้อ ปริยะ วิมลโนช ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเพื่อนสนิท กล่าวว่าได้พูดคุยกับอ๋อมเมื่อสัปดาห์ก่อน และเห็นว่าอาการของเขายังคงทรงตัว แต่อ๋อมยังคงเหนื่อยและหายใจลำบาก ไม่คาดคิดว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ ปกติจะนัดเจอกันทุกสองสัปดาห์เพื่อทานข้าวด้วยกัน แต่หลังจากทำคีโมแต่ละครั้ง อ๋อมจะเจ็บปวดและเหนื่อยมาก และในที่สุดแพทย์ก็แจ้งว่าไม่มีคีโมใดสามารถช่วยรักษาอาการได้อีกต่อไปแล้ว
ซี ศิวัฒน์ กล่าวถึงอ๋อมว่า “วันนี้เราช่วยกันส่งเขากลับบ้าน ตั้งแต่เข้าวงการมา อ๋อมได้ช่วยทุกคนในครอบครัว เขาส่งน้องไปเรียนต่างประเทศ ความกตัญญูของเขาได้ทำครบถ้วนแล้ว เขาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์ วันนี้ไม่สำคัญว่าเขาจะเจ็บหรือทรมานมากแค่ไหน แต่เขาสู้จนสุดกำลังเท่าที่จะทำได้จริงๆ เราอยากจดจำเขาในแบบนั้น”
ซี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “วันนี้ขอให้ทุกคนส่งใจให้เพื่อนผมได้กลับบ้านไปพักผ่อน และอยากให้ทุกคนเก็บความทรงจำในความหล่อและรอยยิ้มของเขาไว้ในใจ เรารักเขามาก และจะเก็บความทรงจำดีๆ ของเขาไว้ตลอดไป ไม่ต้องถามว่าเขาเจ็บแค่ไหน เพราะเขาได้ทำหน้าที่ของเขาอย่างดีที่สุดแล้ว สิ่งที่อยากจะบอกเพื่อนได้บอกไปแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเหนื่อยอีกต่อไป ขอให้เขาไปอยู่ในที่ที่สบายที่สุดและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม” ซี ศิวัฒน์ กล่าว