เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 โดยเน้นกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) และผู้พิการ ซึ่งภาครัฐจะมอบเงินสนับสนุนให้จำนวน 10,000 บาทต่อคน
ประมาณ 14.55 ล้านราย แบ่งเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 12.40 ล้านราย และคนพิการประมาณ 2.15 ล้านราย ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
กลุ่มเป้าหมาย
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยืนยันตัวตน (e-KYC) สำเร็จแล้ว ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567
- คนพิการที่ได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาท ตามฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการโดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
ช่องทางการรับเงินสนับสนุน 10,000 บาท
- ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถรับเงินผ่าน 2 ช่องทาง:
- บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน
- ยกเว้นกรณีผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปี ที่ไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้ จะมีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารตามที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้ ณ สำนักงานคลังจังหวัดหรือกรมบัญชีกลาง
สำหรับ คนพิการ ที่บัตรประจำตัวหมดอายุหรือมีบัตรแบบเก่าที่ยังไม่ได้ขอทำบัตรใหม่ แต่ยืนยันตัวตน (e-KYC) สำเร็จแล้ว ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2567 จะถูกรวมในกลุ่มนี้ และจะได้รับเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน
คนพิการสามารถรับเงินได้ 2 ช่องทาง
- ช่องทางที่ได้รับเบี้ยความพิการอยู่แล้ว (ผ่านบัญชีธนาคารหรือเงินสดจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
- หากไม่มีข้อมูลการรับเงินตามข้อแรก จะโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน
นายพรชัยกล่าวว่า คนพิการที่บัตรหมดอายุหรือต้องการบัตรใหม่ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด จะถือว่าไม่ประสงค์รับเงินตามโครงการนี้
การผูกบัญชีพร้อมเพย์
สามารถทำได้กับธนาคารใดก็ได้ที่มีบัญชีเงินฝาก และต้องดำเนินการภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2567 หากไม่ดำเนินการ จะถือว่าไม่ประสงค์รับเงินในโครงการ
ผู้ถือบัตรสวัสดิการและคนพิการควรตรวจสอบสถานะบัญชีพร้อมเพย์ให้เป็นปกติเพื่อพร้อมรับเงินตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
หากการจ่ายเงินไม่สำเร็จ จะมีการดำเนินการจ่ายเงินซ้ำ 3 ครั้ง ดังนี้:
- ครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567
- ครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567
- ครั้งที่ 3 ภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2567
หลังจากนั้น จะยุติการจ่ายเงินและถือว่าไม่ประสงค์รับเงินตามโครงการ
การตรวจสอบบัญชีพร้อมเพย์
สามารถทำได้หลายช่องทาง เช่น ผ่านตู้ ATM หรือแอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ
ทั้งนี้ นายพรชัยกล่าวเสริมว่ากลุ่มคนพิการที่มีบัตรแบบเก่าและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วมีจำนวนน้อย แต่ขอให้ตรวจสอบบัตรประจำตัวคนพิการว่าหมดอายุหรือไม่ เพื่อให้สามารถรับเงินได้ตามสิทธิ์ของโครงการ